ที่นี่: Home>หออนุสรณ์>เรื่องผู้ร้ายลักโคกระบือ (2/2) เรื่องผู้ร้ายลักโคกระบือ (จากหนังสือเรื่องการประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน ในรัชการที่ ๕ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมประคองในรัชกาลที่ ๕ ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๐๙) พระราชบัญญัติเดิม พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านที่ ๒ ในที่ประชุม พระราชบัญญัติโคกระบือ ใบบอกเมืองสุพรรณบุรี หลวงเสนีพิทักษ อ่านที่ ๓ ในที่ประชุม ข้าพระพุทธเจ้า พระยาสุนทรสงครามรามพิไชย ผู้ว่าราชการเมือง พระไชยราชรักษาปลัด หลวงศรีราชรักษายกรบัตรกรมการเมืองสุพรรณบุรี บอกปฏิบัติมายังท่านออกพันทนายเวร ขอได้นำบอกขึ้นน้อมคำนับทูล สมเดจพระเจ้าบรมวงษเธอเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ ซึ่งสำเร็จราชการกรมมหาดไทยทราบฝ่าพระบาท ด้วยเดิมข้าพระพุทธเจ้าออกไปว่าราชการเมืองสุพรรณบุรีนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้คัดข้อพระราชบัญญัติเก่าใหม่ ให้อำเภอเป่าร้องราษฎร แลให้อำเภอรักษาการตามข้อพรราชบัญญัติ แลให้อำเภอรักษาการตามข้อพระราชบัญญัติ ครั้น ณ วัน ค่ำ ปีมเมีย จัตวา หมื่นคามวิไสยจับเอาตัวนายเนย นายชม นายทูป, นายเชย นายเนตร นายอุ่น นายป้อม, นายชุ่ม นายมาก กับกระบือภู่ เมีย สิบหกกระบือ โค ๓ โค กับเกวียนเก่าเล่มมาส่ง ณ ศาลากลาง ว่ามีผู้ชื่อที่จับมานั้นมาแต่เมืองอ่างทอง ไม่มีหนังสือเดินทางแลตั๋วฎีการูปพรรณโคกระบือ ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งให้ตระลาการถามปากคำ นายเนย นายเชย นายชม นายทูป นายอุ่น นายเนตร นายป้อม นายชุ่ม นายมาก ให้การต้องกันว่ามาตัดแอกไถ แต่โคกระบือนั้นเปนลูกคอกหามีตั๋วฏีกาไม่ แลหนังสือเดินทางนั้นก็หามีไม่ ด้วยเมืองอ่างทองนั้นเจ้าเมืองกรมการหาได้เป่าร้องให้ทำตั๋วฏีกาแลหนังสือเดินทางไม่ แจ้งอยู่ในคำให้การนั้นแล้ว ครั้น ณ วัน ค่ำ ปีมแม(๑) ยังเปนจัตวา หมื่นเจนพงที่อำเภอจับเอาตัวขุนภักดี นายขำ นายมีนายห่วง นายพ่วง นายท้วม นายแดง นายพ่วง กับช้างพังช้างหนึ่งว่าไม่มีตั๋วฏีการูปพรรณ ช้างแลหนังสือเดินทาง ผู้มีชื่อที่จับมานั้นอยู่แขวงเมืองอ่างทอง ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งให้กรมการถามปากคำ ขุนภักดี นายขำ นายมี นายห่วง นายพ่วง นายท้วม นายแดง นายฟอง ให้ถ้อยคำต้องกันว่า ช้างตัวตับนี้มีตั๋วฏีการูปพรรณ แต่หาได้เอาตั๋วฏีกามาด้วยไม่ แลหนังสือเดินทางนั้นหามีไม่ ครั้นอยู่มาอีก ๕, ๖ วัน ขุนภักดี จึ่งเอาตั๋วรูปพรรณช้างกับหนังสือเดินทางแต่เปนหนังสือเก่า แล้วข้าพระพุทธเจ้าให้กรมการตรวจดูตั๋วฏีการูปพรรณช้างแลคำให้การหาถูกต้องตรงกันไม่ ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งให้เอาช้างนั้นไว้ที่เมืองสุพรรณบุรีไว้กลางตระลาการ ครั้น ณ วัน ค่ำ ปีมแม(๒) หมื่นเจนพงที่อำเภอจับเอาตัว นายโฉม นายเทศ นายอิ่ม กับกระบือสามกระบือไว้ว่าไม่มีตั๋วฎีการูปพรรณกระบือแลหนังสือเดินทางมาจากบ้านดอนลานแขวงกรุงเก่า อำเภอได้ถามปากคำ นายเทศ นามอิ่ม นายโฉม ๆ ได้ให้การต้องกันว่ากระบือสามกระบือที่จับมานี้เปนกระบือของพระยาไพบูลยสมบัติ แต่ตั๋วฏีการูปพรรณแลหนังสือเดินทางนั้นหามีไม่ แล้วนายยวงจึ่งมารับประกันตัว นายโฉม นายเทศ นายอิ่มไปจากอำเภอ ครั้นรุ่งขึ้นอำเภอจะเอาตัวนายโฉม นายเทศ นายอิ่ม มาส่ง ณ ศาลากลาง นายโฉม นายเทศ นายอิ่ม ก็หนีไปเสียหาได้ตัวไม่ อำเภอจึ่งเอาตัวนายยวงผู้นายประกันกับกระบือสามกระบือมาส่งไว้ ณ ศาลากลาง ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้กรรมการรักษากระบือกลางสามกระบือไว้ อีกรายหนึ่งนั้นเมื่อวันพุฒ เดือนหก ขึ้นสามค่ำ ปีมแม หมื่นวิถีคงคาอำเภอจับเอาตัวนายร้อยน้อยกับไพร่มีชื่อ ๑๘ คน พระภิกษุสงฆ์ ๔ รูป กับโคภู่ ๑๒๙ โค กับต่าง ๒๐ ต่าง มาส่งณ ศาลากลางว่า ผู้มีชื่อที่จับมานั้นเอาโค ๑๒๙ โค มาแต่เมืองสรบุรีไม่มีตั๋วฎีการูปพรรณสำหรับตัวโค มีแต่หนังสือหลวงมหาดไทยเมืองสรบุรีหาใช่กรมการนายตำบลแลอำเภอกำนันไม่ มีแต่ตราหลวงเมืองสรบุรีประทับมาแต่ดวงเดียว ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งให้กรมการถามปากคำผู้มีชื่อ ๑๙ คน ๆ ให้การหาถูกต้องกันไม่ แล้วข้าพระพุทธเจ้าจึ่งนิมนต์พระครูวิมลเมธาจาริยมาพร้อมด้วยขุนศรีธรรมการ ถามปากคำพระภิกษุสงฆ์ ๔ รูปที่จับมานั้น ให้การหาถูกต้องกับผู้มีชื่อ ๑๙ คนนั้นไม่ แจ้งอยู่ในคำให้การผู้มีชื่อ ๑๙ คนและพระภิกษุสงฆ์ ๔ รูปนั้นแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งให้กรมการรักษาโค ๑๒๙ โคนั้นไว้ที่เมืองสุพรรณบุรี แล้วผู้มีชื่อเจ้าของช้างแลโคกระบือนั้นที่มีผู้มารับประกันตัว ข้าพระพุทธเจ้าก็ให้ประกันไป ที่ไม่มีผู้มารับประกัน ข้าพระพุทธเจ้าก็จำไว้ที่เมืองสุพรรณบุรี ขอพระบารมีเปนที่พึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด บอกมา ณ วัน ปีมะแม (๓) ใบบอกเมืองลพบุรี หลวงเสนาพิทักษ์ อ่านที่ ๓ ในที่ประชุม ข้าพระพุทธเจ้า พระยาพิสุทธิธรรมธาดาลพบุรานุรักษ พิทักษทวิชาติภูมผู้สำเร็จราชการกรมการเมืองลพบุรี บอกประฏิบัตรมายังท่านออกพันทนายเวร ขอได้นำขึ้นน้อมเกล้าคำนำเรียน แต่ ฯพณฯ ลูกขุนศาลาทราบ ด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีพระราชบัญญัติพระราชทานหนังสือพิมพ์รูปพรรณโคกระบือ ออกไปให้ข้าพระพุทธเจ้ากรมการแต่งให้อำเภอกำนันนายตำบลตรวจตราทำรูปพรรณ ช้างม้าโคกระบือ แลทำหนังสือเดินทางให้แก่ราษฎร เพื่อพระราชประสงค์จะให้โจรผู้ร้ายเบาบางเลยมีทางคับแคบพระเดชพระคุณเปนล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้ ความแจ้งอยู่ในพระราชบัญญัตินั้นแล้ว ที่เมืองลพบุรีทุกวันนี้ มีโจรผู้ร้ายลักช้าง ม้า โคกระบือ ของราษฎรไป เจ้าของตามจับช้าง ม้า โคกระบือ ได้ ผู้ร้า่ยกลับต่อสู้ว่าเปนช้าง ม้า โคกระบือ ลูกคอกไม่มีตั๋วรูปพรรณ บางจำพวกผู้ร้ายลัก ม้า โคกระบือ ของราษฎรไปผูกซุกซ่อนไว้ แล้วผู้ร้ายกลับมารับถ่ายถอนบ้าง แต่งให้ญาติพี่น้องมิศสหายออรับเงินถ่าย แลเอากระบือถอนบ้างชุกชุมหลายพวกหลายราย ครั้นอำภอกำนันนายตำบลตรวจ ม้า โคกระบือที่ไม่มีรูปพรรณ ผู้ร้ายก็สาบาลตัวเอาว่าเปนกระบือลูกคอก บางทีพักพวกผู้ร้ายก็รับสมอ้างว่า เปนกระบือลูกคอกคงเมืองหามีตั๋วรูปพรรณไม่ สับสนกันยังเปนช่องทางโจรผู้ร้ายหลีกเลี่ยงได้ ข้าพระพุทธเจ้าปฤกษาพร้อมด้วยกรมการเหนด้วยเกล้าฯ ขอรับพระราชทานแต่งกรมการอำเภอ กำนัน ออกตรวจทำบัญชีม้า โคกระบือ ลูกคอกที่ใช้การได้ของราษฎรในแขวงเมืองลพบุรีจะมากน้อยเท่าใด ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชทานแจกหนังสือพิมพ์ตั๋วรูปพรรณ ม้า โคกระบือ ลูกคอกคงเมืองสำหรับตัว ม้า โค กระบือ ให้แก่ราษฎรเจ้าของไว้เปนคู่มือ ไม่รับพระราชทานเงินค่าหนังสือพิมพ์ ตั๋วรูปพรรณม้า โค กระบือ ลูกคอกแก่ราษฎรผู้เจ้าของถ้าแล ม้า โคกระบือ ของราษฎรในแขวงเมืองลพบุรีมีรูปพรรณทั่วแล้ว อำเภอกำนันตรวจตรา ถ้าไม่มีตั๋วรูปพรรณสำคัญ ม้า โค กระบือ ก็จะพิจารณาเอาตัวผู้ร้ายพวกเพื่อนผู้ร้ายได้โดยสดวก ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ บอกประฏิบัติมา ณ วัน ค่ำ ปีมแม จัตวา ๑๒๔๔ (๔) (ริโปศประชุมทูลเกล้าฯ ถวาย) สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงษ ไม่ได้เสดจมา ข้าพระพุทธเจ้าได้เชิญพระกระแสพระราชดำริห์อ่านในที่ประชุม แล้วอ่านข้อพระราชบัญญัติเดิม กับความเหนที่ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ เรียงขึ้นทูลเกล้าถวาย หลวงเสนีพิทักษ์อ่านใบบอกเมืองสุพรรณบุรี เมืองลพบุรี เสร็จแล้วท่านที่มาประชุมทั้งปวงพร้อมกันว่า โครงความที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ทรงเรียงมานั้นชอบแล้ว แต่เวลาในที่ประชุมนั้นน้อยนักไม่ทันจะตริตรองโดยลเอียด ได้ขอให้ตีพิมพ์แจกกันไปจะได้ตรตรองโดยลเอียด ----------------- | |